t ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

เลาะรอบเกาะโอะกินะวะ หนีร้อนไปทะเลญี่ปุ่น ภาคเตรียมความพร้อม

เลาะรอบเกาะโอะกินะวะ หนีร้อนไปทะเลญี่ปุ่น ภาคเตรียมความพร้อม

By , Monday, 22 August 2016
ไฮไต!!! สวัสดีโอะกินะวะสไตล์ทุกๆท่าน ทรายค่ะ ขอแนะนำตัวเองในฐานะบล็อกเกอร์หน้าใหม่ ผู้หญิงตัวกลางๆ ฮ่ะฮา ที่หลง
มนต์เสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่นจนต้องเดินทางกลับไปซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าจนคนรอบข้างเริ่มสับสนว่ายังอยู่ไทยใช่ไหม ฮาาา ทรายจะคอยนำเรื่องราวประสบการณ์ค้นหา MY Japan มาฝากทุกๆท่านอยู่เรื่อยๆนะคะ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค้า 

และเนื่องจากครั้งนี้ทรายได้มาเที่ยวโอะกินะวะ (Okinawa Island 沖縄本島) เกาะทางตอนใต้สุดของประเทศญี่ปุ่นส่วนหนึ่งของภูมิภาคคิวชู เกาะที่คนไทยหลายๆคนอยากไปเยือน แต่ก็ยังมีแค่ส่วนน้อยที่จะได้ฤกษ์มุ่งไปยังเกาะสวรรค์แห่งนี้ เหตุผลส่วนนึงน่าจะเป็นเพราะเกาะหลักของญี่ปุ่นมีแรงดึงดูด และง่ายที่จะเดินทางไปถึงมากกว่า  นอกจากนี้หากมองจากแผนที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วจะเห็นว่าเจ้าเกาะนี้เนี่ยไม่ได้เชื่อมอะไรกับเกาะหลักเลยสักนิด ทั้งยังดูไม่น่าจะนับเป็นประเทศญี่ปุ่นด้วยซ้ำ 


หากใครต้องการที่จะมาเยือนเกาะแห่งนี้ มีหลายเส้นทางให้เลือกค่ะ จะตั้งใจดิ่งไปยังเกาะโอกินะวะจากไทยเลยก็ทำได้ หรือใครเบื่อๆเกาะหลัก เที่ยวเกาะหลักอยู่ดีๆ อยากจะได้บรรยากาศทะเล้ ทะเลญี่ปุ่น ก็สามารถต่อเครื่องภายในประเทศญี่ปุ่นไปได้ง่ายๆ ใช้เวลาไม่นานได้เช่นกัน


การเดินทางจากประเทศไทยจะยังไม่สายการบินไหนให้บริการบินตรงนะคะ จำเป็นต้องต่อเครื่อง 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย ขึ้นอยู่กับสายการบินที่เลือก มีทั้ง Full Service และ Low Cost ให้บริการค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Hongkong Airline, China Airline, Tiger Air เลือกกันได้ตามใจรักได้เลยว่าใครอยากจะไปแวะต่อเครื่องที่ประเทศไหน ฮาฮา แต่สายการบินที่ทรายแนะนำ คือ HONG KONG Airline เหตุผลที่แนะนำ คือ เวลาดีค่ะ !!! ไปถึงโอกินะวะไม่เช้าไป ไม่สายไป เที่ยวต่อได้ตั้งแต่ไปถึง อีกอย่างเป็นสายการบิน Full Service ที่รวมน้ำหนักกระเป๋า อาหารบริการบนเครื่อง และแวะพักที่ ฮ่องกง เมืองที่คนไทยหลายๆคน นิยมไปเที่ยว กิน ช้อป กันอยู่แล้ว ตรงนี้ หากใครอยากเพิ่มทริปเที่ยวฮ่องกง อยากออกไปเที่ยวก็สามารถทำได้เช่นกันนะคะ 


ส่วนสายการบินภายในประเทศ สามารถต่อเครื่องไปได้จากทั้งโตเกียว และโอซาก้า เมืองใหญ่สุดฮิตทั้ง 2 เมืองที่ชาวไทยนิยมไปตั้งหลักกันอยู่แล้ว แถมสายการบิน Low cost ภายในประเทศ ก็แข่งทำโปรโมชั่นกันอย่างเมามันส์ เช่น Peach Air อย่างในรูปนี้ ทรายเจอราคาโปรเที่ยวละไม่ถึงหนึ่งพันบาทตล้อด ตลอด

รูปโปรโมทของสายการบิน Peach Air น่ารักสดใสกันสุดๆ

แต่ถึงแม้จุดที่ตั้งที่แยกจากเกาะหลักชนิดต้องบินเข้าเกาะอย่างเดียวเท่านั้น อย่างนั้นก็เหอะในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นญี่ปุ่นแล้วจะไม่มีรถไฟฟ้ามันก็แลดูจะเสียความเป็นเจแปน ไปสักหน่อย พี่เค้ามีนะจ๊ะ แต่จะมีอยู่แค่ในเมืองนะฮะ (Naha 那覇市) เมืองหลักของเกาะเท่านั้น เป็นรถไฟฟ้าหน้าตาน่ารักทั้งขบวนมี 2 ตู้แบบในรูปเลย ชื่อว่า Yui Rail ค่า
 


แถมยังวิ่งเป็นเส้นตรงง่ายๆไม่แตกกิ่งแยกเส้นพันกันเหมือนเส้นมาม่ามาสร้างความตื่นตระหนกเหมือนอย่างที่เกาะหลักด้วย ความง่ายระดับเด็กเตรียมอนุบาลสุดๆหากใครที่อยากจะเที่ยวเล่น กินลม ชมเมือง แวะละลายเงินเยนในเมืองนะฮะ สักวัน สองวันก็สามารถซื้อตั๋วประเภท one day ticket หรือ two day ticket ใช้ได้นะ อืมมมมม ถึงแม้จะไม่ได้ใกล้ชิดเกาะหลัก แต่พี่ก็ยังมีพาสให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆได้ใช้กันแบบนี้ก็....นั่งวนไปค่ะ รอบนี้เหมา


ภาพแสดงเวลาของเส้นทางจากสนามบินไปยังสถานีต่างๆค่ะ
ตู้จำหน่ายบัตร และบรรยากาศอย่างนี้ไม่ใช่ที่ไหนไปได้นอกจากญี่ปุ่น


อ๊ะ!!Σ(・口・) แล้วถ้าหากต้องการเที่ยวรอบเกาะจะทำไงละทีนี้ จะให้มาเที่ยวแค่ในเมืองนะฮะคงไม่พอค่ะ ถึงแม้รถไฟฟ้าจะไปไม่ถึง ด้วยความสามารถในการดิ้นรนเพื่อไปเที่ยวแล้ว จ้ะด้า!!! ผายมือ ย่อเข่า แววตาเป็นประกาย ด้วย 4 หนทางเหล่านี้ค่ะ 



  1.  แท็กซี่ รถที่เราคุ้นชิน ณ บางกอกซิตี้ และอีกครั้งค่ะ ที่พี่โอะกินะวะจะตอกย้ำความเป็นญี่ปุ่น ด้วยค่ารถระดับที่อาจทำให้ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวในครั้งเดียวได้แล้วละก็ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีคติในการมาญี่ปุ่นชัดเจนว่าจะมาล่มสลายให้แก่ของกินและการช้อปปิ้งอย่างทรายหรอก หึหึ อย่าหวังว่าทรายจะลิ้มลองเส้นทางนี้ แต่หากใครที่ต้องการความสะดวก มันก็ไม่เลวนะคะ

  2.  รถบัสสาธารณะ ที่หวานเย็นสุดๆ ถ้าไม่ได้มาอยู่นานจนคนบนเกาะคุ้นหน้าได้ละก็ ผ่านค่ะ

  3. ซื้อ Day tour ที่มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเข้าไปส่องหาข้อมูลท่องเที่ยวจากเว็บไหน ยังไงก็น่าจะต้องเจอโฆษณาทัวร์สถานที่ต่างๆทั่วเกาะเต็มไปหมด จนอาจก่อให้เกิดอาการเอ๋อ ลามไปจนขั้นวิกลจริต กลัววันเที่ยวของเราจะน้อยไปไหม อยากจะลางานต่อ ขอเลื่อนตั๋วมันซะเดี๋ยวนั้นเรยที่เดียว จุดนี้แนะนำให้หายใจเข้าลึกลึกเข้าไว้ค่ะ

ตัวอย่าง Day tour บนเกาะโอกินะวะ ที่อาจก่อให้เกิดอาการอยากไปซะทุกที่


ข้อดีของทัวร์คือ เราไม่ต้องปวดหัวคิดค่ะว่าจะไปไหนดี เลือกที่เราสนใจ จ่ายเงิน จบ ถึงเวลาแต่งตัวรอคนมารับสวยๆ ส่วนข้อเสีย.... ทัวร์ประเทศไหนๆก็คือทัวร์ค่ะคุณขา เค้ากำหนดเวลาตายตัว ถ้าเราอินกับที่ไหนเป็นพิเศษ เราจะได้รู้ซึ้งวันนั้นแหละค่ะว่า ต่อให้ชอบแค่ไหน ถึงเวลาก็ต้องไปอยู่ดี TT_TT 

หากการไปกับทัวร์อาจไปสะกิดต่อม ตอกย้ำให้หวนระลึกอดีตช้ำรักของเราขนาดนั้น งั้น มาเช่ารถขับเที่ยวเองกันค่ะ ทางออกสุดท้าย พ่อพระเอกที่สุดแสนจะเลิศล้ำ 

ถ้าไม่ได้มาลุยคนเดียว แต่มีเพื่อนที่เราใช้ความสามารถในการหลอก เอ้ย ชวนกันมาเที่ยวได้ มาช่วยหารค่าเช่ารถกันได้ละก็ เผลอๆค่าเช่ารถจนจบทริปเนี่ยจะถูกกว่าทัวร์ซะอีก ประหยัดแถมแวะได้ตามใจชอบแบบนี้ทรายไม่พลาดแน่ๆ ว่าแล้ว ยกหูค่ะ 

 "เฮลโล่ มายเฟรนด์ไปโอะกินะวะต้องเช่ารถแหละ รถไฟฟ้ามันไม่ทั่วแกร๊ มันต้องเช่ารถ ขับกินลมชมหนุ่มๆบนเกาะกัน" 

เสร็จค่ะ เอาหนุ่มๆล่อ ทัวร์เทออะไรนั่น ไม่มีอยู่จริง หุหุหุ  (¬‿¬)



การเช่ารถเที่ยวญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องยากเรยละค่ะ แค่ใช้บริการอากู๋นิดหน่อยใส่คำว่า  "car rent  japan"  เข้าไปญาติสนิทเราท่านนี้ก็พร้อมส่งมอบสิ่งที่ต้องการมาให้เลือกกันชนิดตาลายแล้ว ลายอีก ไม่ว่าจะผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทรถเช่าเองหรือจะเป็นเว็บประเภทเอเจนซี่ที่บริการ เปรียบเทียบราคาจากหลายๆบริษัท อย่างในรูปทรายใช้บริการของเว็บ rentalcars.com

ใส่ข้อมูลอย่าง เมือง วันที่เช่าที่ต้องการ กดค้นหาแล้วทุกอย่างจะปรากฎสู่สายตาท่าน เรียกได้ว่านั่งอยู่บ้านชิคๆ ชิวๆ ก็สามารถจองได้เลย และยิ่งจองล่วงหน้านานๆจะยิ่งถูกเข้าไปอี๊ก โอ้ยยย อะไรจะดีงามปานนั้น



ขั้นตอนต่อไปคือใบขับขี่ค่ะ ถ้าเรามีใบขับขี่รถยนต์ในไทย พาสปอร์ต และบัตรประชาชน นำทั้งหมดนี้ไปสำเนาค่ะ และแน่นอนว่าทั้งหมดต้องยังไม่หมดอายุนะ บางทีเราก็เพลินถือนานๆมันหมดอายุไม่รู้ตัว มึนๆแบบทรายลืมมาแล้ว อีกสิ่งที่ต้องการ คือ รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูปฉากหลังจะขาว น้ำเงินหรือฟ้า ตามใจร้านถ่ายรูปได้หมดค่ะ บอกช่างหน่อยเดียวว่า ไม่เอาหน้าบานนะคะ แค่นี้พอ

เมื่อมีทุกอย่างแล้วเดินฉิวไปขอทำใบขับขี่สากลได้ที่สำนักงานขนส่งได้ทุกจังหวัดเรยค่ะ จ่ายค่าธรรมเนียมตามกำหนด (ปัจจุบันปี 2559 ค่าธรรมเนียม 505 บาท) ไม่ต้องสอบอะไรทั้งนั้น เราสวยเรามีเงิน ใช้เงินซื้อได้ค่ะ ฮาฮา ได้ที่ไหนกันเล่า เค้าไม่สอบกันอยู่แล้ว!!! หลังจากรอนิดหน่อยพองาม เจ้าหน้าที่ก็ยื่นใบขับขี่สากลที่มีอายุ1 ปีเต็มให้เรา พร้อมประโยคคลาสสิค "เพิ่ม 10 บาทได้ซองนะคะ" เสนอเหมือนอัพไซส์น้ำกะเฟรนช์ฟรายเป๊ะๆ 


อ้อ!! นอกจากใบขับขี่สากลที่จะต้องเตรียมไปแล้ว อย่าลืมพกใบขับขี่เมืองไทยติดกระเป๋าไป
ด้วยนะคะ เพราะตอนไปรับรถเค้าอาจขอดูได้ค่ะ



รถที่ญี่ปุ่นขับพวงมาลัยขวาเหมือนเมืองไทยค่ะ ดังนั้นหายกังวลได้เลยเพราะไม่ต้องปรับตัวอะไรทั้งสิ้นในการขับรถ เพียงแต่อาจต้องทำความคุ้นชินกับอัตราความเร็วที่ใช้ในการขับรถ รวมทั้งเครื่องหมายและกฎจราจรที่อาจแตกต่างจากเมืองไทยไปบ้าง 
เอาจริงความเร็วที่ใช้ ส่วนใหญ่คือ 50-70 กม./ชม. หากวิ่งทางด่วนก็อาจขยับความเร็วขึ้นได้อีกหน่อย แต่ก็ไม่ควรเกิน 100 กม./ชม ที่สำคัญคือ เมาไม่ขับนะคะ หากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาโดนยกคันค่ะ มา 1 โดน 1 มา 10 โดน 10 ค่ะโดนแบบมีทุกข์ร่วมต้าน มีสุขร่วมเสพกันจริงจังเลยละ

มาถึงตรงนี้ใครอยากไปลองขับรถเที่ยวญี่ปุ่น ไม่จำเป็นต้องเป็นที่โอะกินะวะแบบทรายก็ได้ ไม่ว่าจะด้วยอยากประหยัด เบื่อรถไฟฟ้า มากันเป็นกลุ่มใหญ่ มากันครบช่วงอายุ อยากขอสัมผัสความเป็นท้องถนนของญี่ปุ่น อยากเจอหนุ่มขอโบกรถ เหตุผลอีกล้านแปดขอให้ลองเลยค่ะ 
และขอให้สนุก เต็มอิ่มกับความสวยงามตามทางของประเทศญี่ปุ่นนะคะ เผลอๆ อาจได้พบคนรู้ใจ มิตรภาพระหว่างทาง ร้านอร่อยเหาะ สถานที่ประทับใจ ที่ไม่มีในไกด์บุ๊คเล่มไหนเลยก็เป็นได้ แต่ถ้าไปหลงอยู่ที่ไหน ก็ขอให้กลับไปสนามบินทันเวลานะคะ ฮาฮา

และในเมื่อเตรียมพร้อมสำหรับจะไปขับรถที่ญี่ปุ่นกันเรียบร้อยแล้ว ครั้งหน้า ทรายจะมาเปิดเผยขั้นตอนสำคัญ นั่นคือ การไปรับรถที่ญี่ปุ่นกันค่ะ ระหว่างนี้ใครมองหารถเช่าก็ค่อยๆเลือกไปนะคะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ บ๊ะ บายยย 


ขอบคุณที่มาของข้อมูลและรูปภาพบางส่วน

ผู้อ่านที่สนใจทัวร์ส่วนตัวเที่ยวโตเกียว/โอซาก้า/ฮอกไกโด ทางเว็บไซต์ขอแนะนำ www.ilovejapantours.com/th ให้รู้จักนะคะ เป็นบริษัททัวร์ญี่ปุ่นที่มีสาขาในประเทศไทย และให้บริการนำเที่ยวญี่ปุ่นโดยไกด์คนไทย+รถตู้หรือรถไฟพร้อมแพคเกจโรงแรมค่ะ!

บทความล่าสุด