t ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

10 สถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียวที่ไม่ควรพลาด

10 สถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียวที่ไม่ควรพลาด

By , Friday, 24 January 2020

​ในสัปดาห์นี้โอทารุขอเขียนบล็อกท่องเที่ยวแบบง่ายๆ สบายๆ ให้เพื่อนๆได้อ่านเป็นข้อมูลกันนะครับ ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวที่จะเขียนนั้นเหมาะสำหรับมือใหม่สุดๆ ส่วนมือเก่าหรือใครไปเที่ยวบ่อยแล้วอาจจะผ่านได้เพราะผมจะคัดเลือกเฉพาะไฮไลต์จริงๆ รับรองว่าเดินทางง่าย ถ่ายรูปแล้วสวยแน่นอนครับ!

1.วัดเซนโซจิ/อาซากุสะ (Senso-ji) : วัดเซนโซจิ (หรือที่คนไทยนิยมเรียกวัดอาซากุสะหรือวัดโคมแดง) เป็นหนึ่งในวัดที่โด่งดังที่สุดของโตเกียว ใครมาเที่ยวโตเกียวแล้วไม่ได้มาที่นี่เหมือนมาไม่ถึง ไม่ว่าจะมาเองหรือมาทัวร์ล้วนต้องจัดที่นี่ในโปรแกรมทั้งนั้นเพราะวัดนี้เก่าแก่ มีมุมถ่ายรูปเยอะ ที่สำคัญยังมีถนน Nakamise-Dori ซึ่งเป็นถนนละลายทรัพย์ไว้ให้ชอปปิงกันทั้งของฝากของที่ระลึกหรือของกินแสนอร่อยด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ย่านอาซากุสะยังเป็นอีกหนึ่งย่านที่มีโรงแรม/เรียวกังให้เลือกพักมากมาย แถมยังมีของกินอร่อยๆอย่างร้านซูชิ ร้านปลาไหล หรือเทมปุระชนิดต่างๆด้วย ที่สำคัญ มีห้างดองกี้ ที่เปิด 24 ชั่วโมงไว้รอขาชอปด้วย เรียกว่า มาย่านนี้ "ครบเครื่อง" ทุกอย่างจริงๆ

ค่าเข้าชมด้านใน : ฟรี!

เวลาเปิดปิด :  ตัววัดเปิด 24 ชั่วโมง แต่วิหารจะปิดในช่วงเย็นประมาณ 17:00 น. 

การเดินทาง : เดินเท้าจากสถานีรถไฟใต้ดิน Asakusa ทั้งสาย Asakusa Line และ Ginza Line เพียง 1-2 นาที พอขึ้นมาก็จะเจอประตู Kaminarimon เป็นด่านแรกแล้วเดินผ่านถนน Nakamise-Dori มาเรื่อยๆก็จะเจอวัด 

​2.สวนสาธารณะอุเอะโนะและถนนคนเดินอาเมะโยโกะ (Ueno-Park) : เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของโตเกียวที่คุณสามารถแวะเข้ามาดูวิถีชีวิตของผู้คนชาวเมืองโตเกียวได้ตลอดทุกฤดูกาล สวนสาธารณะแห่งนี้มีอาณาบริเวณที่กว้างขวางมาก ในช่วงที่ซากุระบานก็จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาปูเสื่อดูซากุระ หรือยามปกติก็จะเห็นคนวิ่งออกกำลังกาย ศิลปินนั่งวาดภาพ มนุษย์เงินเดือนนั่งสูบบุหรี่ฆ่าเวลา เรียกว่ามาแล้วได้เห็นวิถีญี่ปุ่นแน่ครับ ส่วนถนนคนเดินอาเมะโยโกะก็เป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านอาหารราคาไม่แพงแต่รสชาติโดนใจรวมทั้งร้านขายสินค้าต่างๆทั้งมีแบรนด์และไม่มีแบรนด์ตลอดจนโมเดลหรือเกมเซนเตอร์ก็มีที่นี่ด้วย รับรองเข้ามาแล้วเสียตังค์+อิ่มอร่อยชัวร์! 

ค่าเข้าชมด้านใน : ฟรี!

เวลาเปิดปิด : สวนสาธารณะเปิด 24 ชั่วโมง ส่วนอาเมะโยโกะแล้วแต่ร้านค้า (ปกติเปิดเช้าถึงค่ำ แต่ร้านอาหารมักจะปิดช่วงสามสี่ทุ่ม)

การเดินทาง : เดินเท้าจากสถานี JR Ueno หรือ Keisei Ueno หรือลงรถไฟใต้ดินสถานี Ueno ทั้งสาย Ginza หรือสาย Hibiya เพียง 3 นาที สำหรับทั้งสองสถานที่ 

​3.ห้าแยกชิบุย่า (Shibuya Crossing) : เชื่อว่าที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักเพราะที่นี่คือ "ห้าแยกชิบุย่า" อันโด่งดังจากการเป็นที่ถ่ายหนังถ่ายละครนับไม่ถ้วน แถมยังเป็นจุดที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดจุดหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว สำหรับห้าแยกนี้ ใครอยากมาถ่ายรูปก็แนะนำว่าให้หามุมสูงจากตึกสักแห่งใกล้ๆกันจะถ่ายออกมาได้สวยกว่าบนพื้นครับ นอกจากนี้ใกล้ๆห้าแยกยังเป็นที่ตั้งของรูปปั้น "ฮาจิโกะ" สุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่รอคอยเจ้านายจนตัวตายด้วย และแน่นอนว่า 

การเดินทาง : จากสถานี JR Shibuya ออก Hachiko Exit จะเจอทั้งรูปปั้นฮาจิโกะและห้าแยกทันที ส่วนรถไฟใต้ดินให้ลงสถานี Shibuya แล้วออก Exit A8 ก็จะเจอเช่นกัน

4.ชมชีวิตกลางคืน ณ ชินจุกุ (Shinjuku Night life) : เชื่อว่าใครๆก็รู้จักเพราะย่านนี้คือย่านที่ไม่เคยหลับใหลของกรุงโตเกียว แต่ฟังแล้วอย่าคิดว่าย่านนี้มีแต่เรื่องบันเทิงเริงรมย์เพราะย่านนี้ยังมีของอร่อยๆให้ลองกินมากมาย รวมทั้งยังเป็นแหล่งชอปปิงสินค้าทุกชนิด หรือจะมาดูชีวิตมนุษย์เงินเดือนญี่ปุ่นหลังเลิกงานที่มานั่งกินดื่มตามร้านรวงหรืออิซากายะก็มาได้เลยครับ นอกจากนี้ยังมีย่านคาบุกิโจซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเป็นแหล่งของ "ผู้ใหญ่" ด้วย (แต่ถ้าใครมาโซนนี้ก็ขอให้ระมัดระวังตัวกันมากๆ อย่าเชื่อคนชวนหรือคนแถวนั้นง่ายๆ)

เวลาเปิดปิด : พระอาทิตย์ตกดินก็จะเริ่มได้บรรยากาศเพราะตึกต่างๆแถวนั้นจะเปิดไฟสวยครับ

การเดินทาง : จากสถานี JR Shinjuku และสถานีรถไฟใต้ดิน Shinjuku ออก East Exit แล้วเดินต่ออีกประมาณ 300 เมตรจะเจอย่านคาบุกิโจ ส่วนร้านอาหารอยู่รอบสถานีรถไฟเพียบๆ โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกของสถานีครับ (ออก South East Exit)

​5.ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu) : หนึ่งศาลเจ้าใหญ่และศักดิ์สิทธิ์กลางเมืองหลวงที่มีบรรยากาศร่มรืนไปด้วยต้นไม้มากมายราวกับว่าเราไม่ได้อยู่ในโตเกียว ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่สถิตดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิผู้วางรากฐานความเจริญทัดเทียมตะวันตกให้กับญี่ปุ่น สำหรับศาลเจ้าแห่งนี้ยังใช้เป็นที่แต่งงานแบบชินโตด้วย หากโชคดีก็จะได้เดินบ่าวสาวมาทำพิธีกันที่นี่ รวมทั้งที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่คนญี่ปุ่นมาต่อคิวขอพรในวันขึ้นปีใหม่เป็นจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นด้วยล่ะครับ

ค่าเข้าชมด้านใน : ฟรี 

เวลาเปิดปิด : ตั้งแต่ ตี 5 ถึง 18:00 น. (ช่วงวันขึ้นปีใหม่เปิดให้เข้าตลอด 24 ชั่วโมง)

การเดินทาง : จากสถานี JR Harajuku ออกประตูหลัก จากนั้นหันขวาแล้วเดินมาตามทาง จะเจอสะพานหินขนาดใหญ่และป่าด้านหลัง เดินไปอีกนิดจะเจอโทริอิขนาดใหญ่ จากนั้นเดินเท้าเข้าไปอีก 10 นาทีจะเจอศาลเจ้าหลักอยู่ด้านใน 

​6.ตลาดปลาทสึคิจิ (Tsukiji Outer Market) : หลายๆคนน่าจะรู้จักตลาดปลากันเป็นอย่างดี และหลายคนอาจจะบอกว่ามันย้ายไปแล้วนิ!? จะบอกว่า ใช่ครับ มันย้ายจริง...แต่ย้ายเฉพาะโซนตลาดในเท่านั้น ส่วนตลาดนอก "ยังอยู่ที่เดิม" และนั่นก็คือ ตำนานที่ยังมีลมหายใจทำให้ปัจจุบันนี้ตลาดปลาทสึคิจิโซนตลาดนอกกลับได้รับความคึกคักจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แล้วในนี้ก็ไม่ได้มีขายแค่ซูชินะครับ แต่พวกปูยักษ์ เนื้อวัวย่าง ปลาไหลย่าง หรือแม้กระทั่งผลไม้หรือไข่หวานก็ยังมีขาย เรียกว่ามายังไงก็เสียเงินชัวร์ ดังนั้น ลองมาเติมกระเพาะที่นี่ดู ไม่ผิดหวังแน่ครับ หลากหลายจริงๆ 

ค่าเข้าชมด้านใน : ฟรี

เวลาเปิดปิด : แต่ละร้านมีกำหนดไม่แน่นอน (บางร้านเปิดเช้าปิดบ่าย, บางร้านเปิดสายปิดสี่ทุ่ม, บางร้านเปิด 24 ชั่วโมงก็มี)

การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย Hibiya ลงสถานี Tsukiji ออก Exit 1 จากนั้นเดินเท้าประมาณ 5 นาทีจะเจอร้านรวง หรือนั่งรถไฟใต้ดินสาย Oedo ลงสถานี Tsukijishijo ออก Exit A1 แล้วเดินไม่เกิน 5 นาทีก็จะเจอตลาดเช่นกัน 

7.เกาะโอไดบะ (Odaiba) : เกาะโอไดบะเป็นเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้น ครั้งแรกสร้างตั้งแต่สมัยโชกุนเรืองอำนาจเพื่อใช้ป้องกันศัตรูรุกรานทางน้ำแต่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งบันเทิงและศูนย์แสดงสินค้าขนาดใหญ่ไปแล้ว นอกจากนี้สาวกกันดั้มก็ไม่ควรพลาดเพราะที่นี่คือที่ตั้งของ Unicorn Gundam ตัวใหม่ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดสาวก ส่วนสาย Art ก็ยิ่งปลิ้มเพราะที่นี่มี TeamLab Borderless ซึ่งเป็น Digital Art Museum แบบยุคใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ เท่านั้นยังไม่พอที่นี่ยังมี Oedo Onsen Monogatari ซึ่งเป็นออนเซนขนาดใหญ่ไว้สำหรับแช่น้ำร้อนผ่อนคลายด้วย

ค่าเข้าชมด้านใน : แล้วแต่สถานที่ 

เวลาเปิดปิด : ห้างสรรพสินค้ามักเปิดช่วง 10 โมงถึง 3 ทุ่ม ส่วน TeamLab Boderless เปิด 10:00-21:00 น. ส่วน Onsen เปิดตั้งแต่ 11:00 น. ไปจนเช้าวันรุ่งขึ้นตอน 9:00 น.

การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Yurikamome จากฝั่งโตเกียวมาลงที่สถานีต่างๆ (แนะนำให้ซื้อบัตรรายวันจะถูกกว่าจ่ายเป็นเที่ยวถ้าขึ้นลงเกิน 3 ครั้งในวันนั้น)

​8.อากิฮาบาระ (Akihabara) : ถือเป็นสวรรค์ของคนรักอนิเมะหรือโมเดลเพราะที่นี่คือย่านที่เราสามารถตามหาสิ่งที่ว่าได้อย่างง่ายดาย (แต่พวก Limited ต้องขยันหรือแย่งกันหน่อย) ยิ่งใครชอบหมุนกาชาปองหรือเล่นเกมล่ะก็ ที่นี่คือมีเงินเท่าไหร่ก็หมดแน่นอนเพราะตู้เยอะมากกกกกกกกกนอกจากนี้ใครที่เป็นสาวก AKB48 ก็มาอุดหนุนเหล่าสาวๆได้เพราะพวกเขามีเวทีอยู่ในย่านนี้แหละ แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าถ้าไม่ใช่สายอนิเมะจะมาย่านนี้แล้วเบื่อเพราะแถวนี้ก็มีห้างสรรพสินค้า ร้านรองเท้า ร้านเกม ให้เราได้ใช้จ่ายให้กระเป๋าเบาอยู่ด้วย ดังนั้นโดยรวมแล้วย่านนี้คือย่านที่ห้ามพลาดจริงๆ

เวลาเปิดปิด : แล้วแต่ห้าง (ปกติเปิด 10:00-21:00 น.) ส่วนร้านอาหารบางแห่งเปิด 24 ชม. ก็มี

การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote ลงสถานี Akihabara หรือรถไฟใต้ดินสาย Hibiya ลงสถานี Akihabara  

​9.พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace) : คิดง่ายๆว่าถ้าเมืองไทยมีพระบรมมหาราชวัง ที่ญี่ปุ่นก็มีพระราชอิมพีเรียลนี่แหละที่ต้องมาชม ปัจจุบันที่นี่ยังใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิ ทำให้บางโซนของวังนั้นนักท่องเที่ยวทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้ (ยกเว้นโอกาสพิเศษ) แต่ที่เราเข้าไปดูได้ทุกวันก็คือ สะพานหิน Seimon ซึ่งใช้ถ่ายหนังโบราณมาแล้วหลายเรื่อง กับอีกโซนคือ สวนด้านตะวันออกที่เราสามารถเข้าไปเดินเล่นชมฐานของปราสาทเอโดะซึ่งเป็นปราสาทโบราณได้ (ปัจจุบันเหลือแต่ฐานหิน ส่วนตัวปราสาทไฟไหม้ไปหมดแล้ว) เอาเป็นว่าถ้าใครมีเวลาก็ควรมาถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อยนะครับ 

ค่าเข้าชมด้านใน : ฟรี

เวลาเปิดปิด : 9:00 - 17:00 น. (อาจมีกำหนดปิดหากมีกิจกรรมหรือประเพณีที่เกี่ยวข้องกับทางราชวงศ์)

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Tokyo ออกประตู Marunouchi North Exit เดินตรงมาเรื่อยๆ อีก 15 นาทีจะเจอประตูวัง ทางเข้าจะเป็นลานโล่งขนาดใหญ่ ส่วนรถไฟใต้ดินสามารถลงได้หลายสถานี เช่น Nijubashi Mae, Otemachi หรือ Hibiya ก็อยู่ในระยะเดินเท้าได้สะดวกทั้งสิ้น

10.หอคอยโตเกียวสกายทรี (Tokyo Sky Tree) : หอคอยน้องใหม่ที่มีความสูงมากที่สุดของญี่ปุ่นและยังสูงติดอันดับต้นๆของโลกด้วย ปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ฮิตที่สุดของโตเกียวเพราะเราสามารถชมวิวมุมสูงได้แบบ 360 องศา นอกจากนี้หากวันไหนฟ้าเปิด เราก็จะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิจากด้านบนนี้ได้อีกด้วย แล้วชั้นล่างของหอคอยยังเป็นที่ตั้งของห้าง Tokyo Solamachi ซึ่งเป็นห้างขนาดย่อมที่จิ๋วแต่แจ๋วเพราะมีร้านอาหารอร่อยๆและยังมี Sumida Aquarium ไว้ให้คุณหนูๆเพลิดเพลินภายในห้างด้วย (ร้านขนมของฝากที่นี่ก็มี) เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งที่ที่มาแล้วได้ทำกิจกรรมหลายอย่างแน่นอนครับ รีวิวการเข้าชม Tokyo Sky Tree

ค่าเข้าชม : ตั๋วปกติ (ต้องต่อคิว) เริ่มต้นที่ 2,100 เยน ส่วนตั๋วแบบ Express เริ่มที่ 3,200 เยน

เวลาเปิดปิด : เปิดตลอดปี 8:00 - 22:00 น. ***ต้องเข้าชมภายใน 21:00 น. และช่วงปีใหม่เวลาทำการอาจเปลี่ยนแปลงได้ 

การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Tobu Asakusa ลงสถานี Tokyo Skytree หรือนั่งรถไฟใต้ดินสาย Asakusa ลงสถานี Oshiage แล้วเดินเข้าห้าง Solamachi ได้เลย

และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 สถานที่แนะนำของโตเกียวครับ จริงๆโตเกียวยังมีที่เที่ยวยิบย่อยมากกว่านี้อีกเยอะมากกกกก แต่สำหรับวันนี้เอาแค่แบบไฮไลต์ไปก่อนเนอะ ไว้มีโอกาสผมจะเขียนแนะนำที่เที่ยว Unseen ให้รู้จักกันบ้างนะครับ! 

​ภาพปก Phenominalglobe

ภาพประกอบอื่นๆจาก pinterest, hdwallsbox, sailor-stellar, mystay, globalworldtourandtravels, tobujapantrip, japanhubdotcom, enjapantravel, lifestyleinthailand, tsunagujapan และ gotokyo

ภาพที่มีลายน้ำเป็นของโอทารุทั้งหมด หากผู้ใดต้องการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์กรุณาขออนุญาตก่อนนะครับ


ติดตามรับข่าวสารเกี่ยวกับญี่ปุ่น

YouTube: www.youtube.com/ilovejapanth/

Facebook: www.facebook.com/ILoveJapan.th/

Twitter: https://twitter.com/ILOVEJAPANTH

Instagram: www.instagram.com/ilovejapanth/

TikTok: https://www.tiktok.com/@ilovejapanth

ทดลองเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ฟรี 3 วันได้ที่ www.ilovejapanschool.com

บทความล่าสุด