สวัสดีค่าหลังจากพาเพื่อนๆไปช็อปชิมชิลในญี่ปุ่นกันมาเยอะพอควรแล้ว บล็อกนี้ฟางขอมีสาระบ้างไรบ้าง ^__^ จากที่ฟางเคยบอกไปบล็อกแรกว่าตอนนี้ฟางกำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลญี่ปุ่น หรือ MEXT Scholarship วันนี้ฟางจะมาแชร์ประสบการณ์การขอทุนรัฐบาลแบบ University Recommendation กัน หลายๆคนอาจอาจกำลังสงสัยว่า เอ....ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นแบบ University Recommendation คืออะไรนะ?
ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น หรือ MEXT Scholarship เป็นทุนการศึกษาที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้มอบให้แก่นักศึกษาไทยที่สนใจไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของญี่ปุ่นเป็นประจำทุกปี โดยโครงการมอบทุนการศึกษาได้เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2497) จนถึงปัจจุบัน ทุนนี้เป็นทุนที่จะออกค่าใช้จ่ายให้เราทั้งหมดค่ะ ย้ำว่าทั้งหมดจริงๆ ตั้งแต่ ค่าเทอม ค่าตั๋วเครื่องบินเดินทางไป-กลับ และที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายต่อเดือนตลอดระยะเวลาที่เราเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นค่ะ เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกอย่างเลย เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ และการบริหารการเงินของเราด้วยนะคะ (ยกตัวอย่างเช่นถ้าเรามาเรียนที่โตเกียวเราจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงกว่าในจังหวัดอื่นๆ เนื่องจากค่าครองชีพสูงมาก โดยเฉพาะค่าหอ ราคาจะอยู่ประมาณ 50,000 เยน - 80,000 เยนต่อเดือน หรือเท่ากับเราต้องจ่ายเฉพาะค่าหอประมาณ 50% ของเงินทุนเลยค่ะ ยังไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต และอื่นๆนะ ><~~~)
การขอทุน MEXT Scholarship จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภททุนใหญ่ ๆ คือ:
- ประเภทที่ต้องสอบผ่าน embassy หรือ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย จะเป็นหน่วยงานรับสมัคร จัดสถานที่สอบ และคัดเลือกนักเรียนเข้ารับทุนค่ะ โดยจะมีการสอบคัดเลือกประจำทุกปี อันดับแรกของการสมัคร เราต้องติดต่อกับอาจารย์ที่ญี่ปุ่นก่อน พอได้รับการตอบรับจากอาจารย์ที่ญี่ปุ่นถึงจะสามารถสมัครทุนได้ เสริมนิดนึงว่าถ้าได้ภาษาญี่ปุ่นติดตัวมาด้วยจะดีมากค่ะ เพราะมีสอบภาษาญี่ปุ่นด้วย ฟางเคยไปลองสอบตอนปริญญาโท โอ้โห้!!! ขุ่นพระ พังมากค่ะ! ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษไม่พอ ยังเป็นข้อเขียนแบบมีช่องสี่เหลี่ยมให้เติมคำตอบลงไป มันยากตรงนี้ล่ะ ฟางแนะนำให้ลองฝึกทำข้อสอบเก่าๆ ย้อนหลังดูนะคะ >>คลิกที่นี่<< สำหรับใครที่สนใจแบบแรก คือ การสอบผ่านสถานทูตฯ สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ตามลิงก์ด้านบนนะคะ (ทุนแบบแรกฟางเคยไปสอบตอนสมัยฟางยังสาวๆ^^ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังเป็นแบบนี้ไหมนะคะ ลองเช็กอีกที)
- ประเภททุนแบบ University Recommendation ค่ะ แบบนี้จะแตกต่างจากแบบแรกตรงที่ไม่มีสอบข้อเขียน แต่อาจจะมีสอบสัมภาษณ์ขี้นอยู่กับอาจารย์ที่เราติดต่อไป นอกจากนี้เราต้องมีความรู้ในงานวิจัยด้านนั้นๆ และยังคงสถานะภาพเป็นนิสิตหรือนักศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาชั้นปีสุดท้ายด้วยค่ะ
ส่วนตัวฟางมาประเภทที่สองค่ะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าวิธีพิชิตทุนรัฐบาลญี่ปุ่นแบบ University Recommendation นี้มีขั้นตอนทำยังไงบ้าง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการขอทุนคือ ถ้าคิดจะเรียนต่อเราจะต้องตอบให้ได้ว่าเราอยากเรียนอะไร เรียนเพื่ออะไร และทางที่ดีควรเลือกสาขาที่ใกล้เคียงกับสายเรียนที่เราจบมาจะดีกว่าค่ะ เพราะถ้าเราเปลี่ยนสายเรียนจะลำบากมาก ต้องเริ่มใหม่หลายอย่าง ทั้งภาษาญี่ปุ่น และต้องอ่านหนังสืออย่างหนักจริงๆ เพราะการมาเรียนที่นี้ไม่มีใครมานั่งสอนเรานะคะ เราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะปริญญาเอก อันนี้เล่าจากประสบการณ์ส่วนตัว เพราะฟางเปลี่ยนสายเรียนมา ทำให้ฟางต้องอ่านหนังสือ อ่านเปเปอร์หนักมาก ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลยก็ว่าได้ แล้วอาจารย์ที่นี่เค้าจะไม่มานั่งบอกนะคะว่าเราต้องทำแบบนี้นะ แบบนั้นนะ no.. ค่ะ เราต้องรู้ และตัดสินใจเองว่าจะทำไรบ้าง อาจารย์จะคอยแนะนำและสนับสนุนเราอีกที
การขอทุนแบบ University Recommendation
อันนี้มีหลายแบบค่ะ แล้วแต่มหาวิทยาลัยเลย ของฟางเองมาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งจะมีทุนให้ประจำทุกปี เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยจะมีโควต้าให้เด็กที่ใกล้จบได้ไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น แล้วทุนที่ฟางได้รับเป็นทุนที่ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยโตเกียว (มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น O.o หรือที่คนไทยรู้จักกันเวลาอ่านเจอในหนังสือการ์ตูนว่า "โทได" (Tokyo Daikaku) เพื่อส่งนิสิตไปศึกษาต่อปริญญาเอกด้านเกษตรค่ะ ลืมบอกไปว่าฟางจบคณะเกษตร กำแพงแสน ภาควิชาสัตวบาล มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนมาค่ะ แล้วมาเรียนต่อคณะเกษตร ภาควิชา Aquatic Biosciences สาขา Aquatic Molecular Biology and Biotechnology เป็นงานเชิงลึกกว่าด้านที่ฟางจบโทมาค่อนข้างเยอะค่ะ เรียกได้ว่าต้องเริ่มต้นใหม่เกือบหมด ดังนั้นควรให้เลือกตรงสาย หรือใกล้เคียงสายเราที่จบมาจะดีกว่า
คุณสมบัติผู้สมัครขอทุนมีดังนี้
- ต้องมีสถานะภาพเป็นนิสิตหรือนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายของปีการศึกษานั้นๆ
- ต้องมีผลการเรียนดีเลิศ
- มีผลสอบคะแนนภาษาอังกฤษ TOEIC/TOFEL
- มีผลสอบคะแนนภาษาญี่ปุ่น (ถ้ามี)
- มีความรับผิดชอบ ขยัน และอดทน (อันนี้ต้องมีทุกคน เพราะการมาเรียนต่อต่างประเทศไม่ง่ายเลยจริงๆ)
ขั้นตอนการสมัครและพิชิตทุนรัฐบาลญี่ปุ่น
- หาทุนได้ตามเว็บของมหาวิทยาลัยค่ะ ฟางคิดว่าแต่ละมหาวิทยาลัยน่าจะมีกองวิเทศสัมพันธ์ที่มีไว้สำหรับติดประกาศทุนการศึกษาหรือข่าวการศึกษาอื่นๆทั้งในและต่างประเทศ ลองไปสอบถามดูได้นะคะ เพราะตอนฟางหาทุนฟางจะคอยติดตามข่าวทุนจากเว็บของมหาวิทยาลัยและจากเว็บต่างๆที่เกี่ยวกับทุนการศึกษา
- พอเจอทุนที่เราต้องการแล้วขั้นแรกเลยก็คือการอ่านรายละเอียดการสมัครค่ะ อ่านให้ละเอียดเลยในโครงการที่ฟางสมัครใบสมัครจะมีรายชื่ออาจารย์ และสาขาให้เลือก ขั้นตอนนี้สำคัญมากค่ะ เราต้องเลือกในสายที่เราถนัด และอยากเรียนนะคะ (ขั้นตอนนี้ขึ้นอยู่กับโครงการของแต่ละมหาวิทยาลัย บางที่ก็เป็นโควต้าระหว่างมหาวิทยาลัย บางที่ก็เป็นโควต้าของอาจารย์ที่มี connection กันค่ะ)
- เมื่อได้สาขาที่ต้องการ และมีอาจารย์ในดวงใจแล้ว ให้ไปค้นหางานวิจัยเก่าๆของอาจารย์ที่เราสนใจมานั่งอ่านค่ะ จะทำให้เรารู้แนวงานวิจัยของอาจารย์ แล้วเราจะได้รู้ด้วยว่าตรงกับแนวความคิด และความถนัดของเราหรือเปล่า ถ้าเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ก็ควรหาอ่านงานวิจัยอื่นๆเพิ่มเติมเกี่ยบกับงานที่เราจะทำไว้เลย
- ฟางแนะนำให้เลือกอาจารย์ไว้สองท่านนะคะ และสาขากับงานวิจัยไม่ควรแตกต่างกันมากเกินไป
- พอได้สาขา อาจารย์ และหัวข้องานวิจัยที่จะทำแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนที่สำคัญมากนั่นก็คือ การเขียน study plan ค่ะวิธีการเขียนก็สามารถหาได้ตามเว็บไซต์ เป็นการอธิบายสิ่งที่เราสนใจ ทำไมถึงเลือกทำเรื่องนี้ และมีประโยชน์ยังไง ให้สอดคล้องกับงานที่ทั้งอาจารย์และเราถนัดแล้วก็น่าสนใจนะคะ
- พอเขียน Study Plan เสร็จแล้วก็จัดการส่งอีเมลแนะนำตัวเองพร้อมแนบในแสดงผลการเรียนและ Study Plan ส่งไปหาอาจารย์ในดวงใจกันเลย เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวเองว่าเราป็นใคร มาจากไหน สนใจงานวิจัยด้านไหนเป็นพิเศษ แบบใส่ความคิดของเราลงไปพอสังเขป และทำไมถึงเลือกเรียนด้านนี้ เป็นต้น อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทของทุนของแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะไม่เหมือนกัน
- หลังจากส่งอีเมลไปแล้วก็เป็นขั้นตอนของการรออีเมลตอบกลับจากอาจารย์ค่ะ
- ขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลาสักหน่อยนะคะ ของฟางอาจารย์ก็จะอีเมลกลับมาถามเรื่องของงานที่ฟางเขียนไปว่าจะทำอะไรบ้าง เหมือนเป็นการสัมภาษณ์ไปในตัว
- พอเราได้รับใบตอบรับจากอาจารย์แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมเอกสารให้พร้อมค่ะ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้
- Resume เขียนให้เคลียร์ เข้าใจง่าย และเป็น professional ที่สุด
- ใบแสดงผลการเรียนต้องมีผลการเรียนดีเลิศ
- ใบรับรองการเป็นนิสิต
- ใบสมัคร ต้องกรอกให้ละเอียดครบถ้วน โดยเฉพาะประวัติการศึกษา เช่น ปีที่เข้าศึกษา ปีที่จบการศึกษา สถาบันการศึกษา สาขาวิชาที่เรียน และเกรดเฉลี่ย
- จดหมายตอบรับจากอาจารย์ (อันนี้สำคัญมาก เราต้องได้ใบตอบรับจากอาจารย์ก่อน ถึงจะสามารถสมัครทุนนี้ได้)
- Study Plan
- Recommendation latters เป็นจดหมายจากอาจารย์ที่ปรึกษาและคณะบดีค่ะ
- คะแนนภาษาอังกฤษ การขอทุนรัฐบาลญี่ปุ่นใช้แค่ผลคะแนน TOEIC ก็เพียงพอแล้วนะคะ หรือถ้าใครมีคะแนนภาษาญี่ปุ่นมาด้วยก็จะยิ่งดีมากเลย
- สำเนาพาสปอร์ตและสำเนาบัตรประชาชน นอกนั้นก็ขึ้นอยู่ประเภทของทุนว่าต้องการเอกสารตัวไหนเพิ่มเติม
- เตรียมเอกสารเสร็จก็ส่งเลยค่ะ ของฟางจะส่งผ่านมหาวิทยาลัย เพราะฟางได้ทุนมาเรียนในนามของมหาวิทยาลัยค่ะ
- ช่วงเวลาแห่งการรอคอยค่ะ ^oo^ รออย่างเดียว ช่วงระหว่างรอ อาจจะมีการแก้ไขใบสมัครหรือขอเอกสารเพิ่มเติมเป็นระยะๆนะคะ พอส่งเอกสารไปทางรัฐบาลญี่ปุ่นแล้ว ก็จะใช้เวลาพิจารณาประมาณเกือบๆหกเดือนได้ ของฟางเองส่งใบสมัครไปตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 ทุนประกาศผลเดือนกรกฎาคม 2559 เกือบปีแหนะ!! เกือบปีเลย
ตอนที่ผลทุนประกาศเป็นช่วงที่ฟางกำลังนั่งทำงานอยู่ที่ห้องทำงาน พอเสียงอีเมลเด้งขึ้นนี่ใจฟางแทบหล่นไปอยู่กับพื้นเลยนะ แบบ เฮ้ย!! อาจารย์ส่งอีเมลมา พอคลิกเข้าไปดูเท่านั้นแหละ ผลปรากฎว่า ฟางผ่านการคัดเลือกให้เข้ารับทุนเรียนต่อปริญญาเอก!!! ฟางกรี้ดลั่นห้องทำงานจนพี่ๆตกใจ คือแบบฟางยังจำเสี้ยววินาทีและความรู้สึกช่วงเวลานั้นได้ดีว่าดีใจแค่ไหน เพราะกว่าเราจะตัดสินใจสมัคร กว่าจะดำเนินเรื่องต่างๆ ค่อนข้างใช้เวลานานอยู่พอสมควร แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฟางท้อ คิดว่าตัวเองไม่น่าจะเรียนไหวจนเกือบจะไม่ส่งใบสมัครเลยนะ ได้รุ่นพี่มาพูดเตือนสติไว้ และทำให้ฟางฮึดสู้แล้วมาถึงจุดนี้ได้ ^^
ดังนั้นสำหรับใครก็ตามที่คิดว่าตัวเองอยากเรียนต่อ ให้มุ่งมั่นมาเลยค่ะ และอย่ายอมแพ้ ถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้ เราก็ทำได้ ดังคำกล่าวที่ว่า:
"Impossible = I'm possible" ขอให้ทุกคนโชคดีค่าาา ^^
รูปภาพประกอบจาก
http://www.pakchinaconsultant.com/wp-content/uploads/2016/01/Quick-Scholarship.jpg
http://i.ndtvimg.com/i/2016-12/scholarship-ndtv-deakin_500x315_51480769007.jpg
http://footage.framepool.com/en/shot/531432613-diligence-attending-school-listening-to-school-lessons